3 สมาคมผลิตเหล็ก ร่องหนังสือถึง”สมคิด” จี้ออกมาตรการปกป้องผู้ผลิตในประเทศ หลังโดนเหล็กจีนทะลักเข้ามาดัมพ์ราคา ท่อเหล็กเจอหนักสุดขายต่ำถึง 4 พันบาทต่อตัน แถมมีผู้ประกอบการจากจีนเข้ามาตั้งร้านจำหน่ายเองแทนเทรดเดอร์นำเข้า บ่งบอกถึงรัฐบาลจีนสนับสนุนใช้ไทยเป็นฐานกระจายเหล็กราคาถูก วอนขอภาครัฐเห็นใจออกมาตรการเอดีชั่วคราวช่วย ก่อนกอดคอกันตาย
นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ นายกสมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ทางสมาคมผู้ผลิตท่อโลหะ สมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย และสมาคมการค้าผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี จะเข้ายื่นหนังสือต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ผ่านศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร้องขอให้รัฐบาลออกมาปกป้องผู้ผลิตเหล็กในประเทศ เนื่องจากขณะนี้ผู้ประกอบการกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากเหล็กที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เข้ามาตีตลาดจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตภายในส่งผลให้ผู้ผลิตเหล็กในประเทศไม่สามารถแข่งขันได้
โดยเฉพาะท่อเหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีกำลังการผลิตในประเทศอยู่ 3 ล้านตัน จากผู้ผลิตที่เป็นสมาชิกของสมาคม 36 บริษัท และผู้ประกอบที่ยังไม่เป็นสมาชิกอีก 20 บริษัท แต่ปัจจุบันพบว่า ผู้ผลิตเกือบทุกรายต้องลดกำลังการผลิตลงเหลือไม่ถึง 40 % หรือผลิตได้ไม่ถึง 1.5 ล้านตันต่อปี จากความต้องการใช้ที่มีอยู่ประมาณ 2 ล้านตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาพภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้การก่อสร้างหรือขยายงานลดลง แต่ปัญหาหลักที่พบจะมาจากปริมาณท่อเหล็กที่นำเข่ามาจากจีน เวียดนามและเกาหลี ในจำนวนกว่า 10 พิกัดมีการนำเข้ามากว่าเดือนละ 3 หมื่นตัน และมาจำหน่ายในราคาที่ต่ำค่อนข้างมากที่ 15 บาทต่อกิโลกรัมหรือ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ในขณะที่ท่อเหล็กในประเทศจะจำหน่ายที่ 19 บาทต่อกิโลกรัมหรือ 1.9 หมื่นบาทต่อตัน เป็นราคาที่แตกต่างกันถึง 4 พันบาทต่อตัน จึงทำให้ผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถแข่งขันกับท่อเหล็กที่นำเข้าจากต่างประเทศได้
ประกอบกับขณะนี้มีผู้ประกอบการจากประเทศจีน เริ่มเข้ามาเปิดร้านจำหน่ายท่อเหล็กที่นำเข้ามาจากจีนโดยตรง แทนที่จะเป็นเทรดเดอร์ของไทยนำเข้าท่อเหล็กมา และนำไปจำหน่ายยังลูกค้าต่อไป ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า ทางรัฐบาลจีนพยายามที่จะผลักดันปริมาณเหล็กที่ล้นตลาดอยู่ในเวลานี้ ออกนอกประเทศให้มากขึ้น โดยใช้ไทยเป็นฐานกระจายสินค้าราคาถูก จากการสนับสนุนหรือยกเว้นภาษีการส่งออกท่อเหล็ก ซึ่งหากรัฐบาลไม่มีมาตรการปกป้องผู้ผลิตท่อเหล็กในประเทศออกมา ก็จะส่งผลให้ปริมาณท่อเหล็กนำเข้าจากจีนในราคาต่ำเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถอยู่รอดได้
ในขณะที่ผู้ผลิตเหล็กรีดร้อน ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตท่อเหล็ก ปัจจุบันมีอยู่ 3 ราย กำลังได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาเป็นลูกโซ่เช่นกัน เพราะเมื่อผู้ผลิตท่อเหล็กลดน้อยลง กำลังการผลิตเหล็กแผ่นม้วนก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดยมีกำลังการผลิตลดลงไม่ถึง 50 % เนื่องจากกำลังการผลิตได้ลดลงตามด้วย
นายวีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ทาง 3 สมาคมดังกล่าว เห็นตรงกันว่า จำเป็นต้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศ โดยเสนอใน 11 มาตรการช่วยเหลือ แบ่งเป็นมาตรการเร่งด่วน ได้แก่ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเปิดไต่สวนและบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดหรือเอดีโดยเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาทั้ง 3 สมาคมได้ยื่นเรื่องให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาไปแล้ว แต่ก็ยังมีความล่าช้าอยู่ในการที่จะเร่งเปิดให้มีการไต่สวนเพื่อนำไปสู่การใช้มาตรการเอดี และระหว่างเปิดให้มีการไต่สวนนั้นก็ขอให้ภาครัฐออกมาคุ้มครองเป็นการชั่วคราว โดยในส่วนของท่อเหล็กเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 10-40 % แล้วแต่ละพิกัด จากเหล็กที่นำเข้าจากจีน เวียดนาม และเกาหลีใต้ จากปัจจุบันเก็บภาษีนำเข้าอยู่ 0-5 % เท่านั้น หรือเร่งให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ออกมาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ(เซอร์ชาร์จ) สำหรับท่อเหล็กที่นำเข้ามา เป็นต้น
นายสงวน สกุลวรรัตน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยคูณ สตีล กรุ๊ป ผู้ผลิตท่อเหล็ก เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้ลดการผลิตท่อเหล็กลงมาเหลือเพียง 6 พันตันต่อเดือน จากเดิมที่มีกำลังผลิตถึง 2 หมื่นตันต่อเดือน ผลกระทบที่ตามมาขณะนี้เริ่มลดเวลาการทำงาน โดยไม่มีการทำล่วงเวลาแล้ว และพนักงานที่มีอยู่ 500 คน บางส่วนได้เริ่มทยอยลาออก เนื่องจากรายได้ลดลง และลดสวัสดิการลง ซึ่งจากการสอบถามทุกบริษัทที่ผลิตท่อเหล็กก็มีลักษณะคลายๆ กัน หากรัฐบาลไม่เข้ามาช่วยเหลือในการเร่งออกมาตรการคุ้มครองเอดีชั่วคราว คาดว่าในปีหน้าจะต้องมีการปลดพนักงาน เพราะต้องลดขนาดของกิจการลงมาอีก เพราะขณะนี้การดำเนินงานได้ขาดทุน ไม่มีกำไรแล้ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,101 วันที่ 1 – 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558